การเลือกซื้อบ้าน

การเลือกซื้อบ้าน แม้ปัจจุบันจะมีโครงการบ้านเดี่ยว และดีไซน์ทรงบ้านสวยๆ ออกมาให้เลือกสรร ในราคาที่เป็นมิตรต่อเงินในบัญชีมากกว่าแต่ก่อน แต่ใช่ว่าจะเลือกเฉพาะหลังที่ถูกใจเพราะความสวยแต่เพียงอย่างเดียว การจะเลือกซื้อบ้านสักหลัง ยังต้องอาศัยตำราฮวงจุ้ย ช่วยส่งเสริมโชคลาภให้แก่ผู้พักอาศัยด้วย

1.ซื้อบ้านให้ดี ต้องมี Location เด็ด!
หากพูดถึงการเลือกซื้อบ้าน หลักใหญ่ใจความคงต้องยกให้เรื่องของทำเลที่ตั้งเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกๆ โดยเฉพาะการตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยว หรือแม้ในกรณีที่ต้องการปลูกบ้านสร้างขึ้นมาเอง ก็ต้องเลือกดูสถานที่ตั้งให้ดี ไม่ควรเลือกบ้านเดี่ยวบริเวณหัวมุมถนน หรือตำแหน่งที่ต้องหนีไม่พ้นแสงไฟจากรถสาดส่องตลอดเวลา หรือที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นทางสามแพร่ง ไม่ควรเลือกบ้านเดี่ยวที่อยู่มุมอับเป็นหลังสุดท้าย หรือถูกห้อมล้อมด้วยตึกที่สูงกว่า เพราะในทางฮวงจุ้ยหมายถึงการถูกข่ม ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องไม่ดี
2.เพิ่มพลังบวกให้เจ้าของบ้าน ด้วยแสงสว่างโดยรอบ
ถ้าการให้พลังบวกกับคนที่กำลังเผชิญปัญหาหรือต้องการที่พึ่ง คือการเกื้อกูลและสร้างพลังบวกให้ชีวิตของใครต่อใครได้มากมาย การเลือกซื้อบ้านเดี่ยวที่สามารถให้แสงสว่างกับคนรอบข้าง ก็ถือเป็นการเกื้อกูลเพื่อนบ้าน ทั้งยังช่วยสร้างความมงคลให้แก่ชีวิตเจ้าของบ้านได้อีกด้วย โดยการตกแต่งหน้าบ้าน และบริเวณตัวบ้านโดยรอบด้วยโคมไฟตามต้องการ ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมลักษณะที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสบายใจจากความปลอดภัยที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย
3.หน้าบ้านปลอดโปร่ง ไม่ใช่แค่ขนาดกว้าง
เพราะคนส่วนใหญ่ มักตัดสินใจเลือกซื้อบ้านเดี่ยวจากพื้นที่บริเวณหน้าบ้านเป็นอันดับต้นๆ เพราะมองเผื่อการใช้งานในอนาคตสำรองไว้ ซึ่งถือเป็นการวางแผนและหลักการคิดที่ดี แต่เราขอเพิ่มเติมวิธีตามหลักฮวงจุ้ยเข้าไปนิดหน่อย นั่นคือบริเวณพื้นที่หน้าบ้าน ที่ไม่ใช่แค่ความกว้างที่ยิ่งมากยิ่งดี แต่ต้องจัดระเบียบวางมุมทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางมากที่สุด เพื่อเปิดรับสิ่งดีๆ สิ่งมงคล เงินทองหลั่งไหลเข้าบ้าน รวมถึงการตกแต่งสวนด้วยบ่อน้ำพุ หรืออ่างน้ำล้น ถือเป็นอีกทริคที่ช่วยเรียกทรัพย์เรียกเงินทองเข้าบ้านได้

4.ประตูรั้วบ้านมิดชิด ช่วยเก็บเกี่ยวเงินทอง
เชื่อแน่ว่าประตูรั้วบ้าน คือสิ่งที่ใครหลายคนเลือกที่จะตกแต่งเป็นอันดับแรกๆ เพราะเปรียบเสมือนหน้าตาด่านแรกให้คนสังเกตเห็น ซึ่งลักษณะรั้วบ้านในปัจจุบันก็มีให้เลือกสรรกันอย่างหลากหลาย แต่ใช่ว่าจะเลือกเพราะความถูกใจได้เพียงอย่างเดียว ประตูรั้วบ้านควรมีลักษณะปิดมิดชิด และควรหันไปทางทิศใต้ หรือทิศตะวันออก โดยควรทำประตูรั้วหน้าบ้านให้มีขนาดใหญ่กว่าประตูหลังบ้าน เพื่อเสริมโชคลาภและสิ่งมลคลให้แก่ผู้อยู่อาศัย ที่สำคัญคือพยายามหลีกเลี่ยงการตั้งประตูหน้าบ้านและหลังบ้านในตำแหน่งเดียวกัน เพราะอาจจะทำให้เงินทองไหลออกได้ง่ายๆ
5.รูปทรงตัวบ้านต้องเต็ม ไม่เว้าแหว่ง
ทรงบ้านที่เว้าแหว่งที่นี้ หมายถึงมุมบ้าน หรือลักษณะบ้านที่ดูไม่เต็มส่วนเท่าที่ควรจะเป็น แน่นอนว่าเรามักจะเห็นบ้านเดี่ยวในลักษณะทรงสี่เหลี่ยมซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ในความเหลี่ยมยังคงมีความแข็งซ่อนอยู่จนรู้สึกได้ ซึ่งตรงนี้สามารถออกแบบลักษณะตัวบ้านให้มีมุม หรือระดับเป็นลูกเล่นได้อยู่มาก แต่ไม่ควรกินพื้นที่ตัวบ้านจนเห็นได้ชัด เรียกว่าเป็นการดีไซน์เพื่อความสวยงามเล็กๆ น้อยๆ นั่นเอง รวมถึงลักษณะบ้านเดี่ยวที่ถูกออกแบบให้มีวงกลมปนอยู่บ้างในบางส่วน เหล่านี้ยังถูกนับให้เป็นส่วนที่ดี เพราะวงกลมมีความหมายถึงความราบรื่น ไร้อุปสรรค
6.ชีวิตดี เพราะเดินในบ้านได้อย่างสะดวกสบาย
ประโยชน์ของพื้นที่ใช้สอย เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่เราต้องให้ความสนใจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในส่วนของบริเวณทางเดินภายในตัวบ้าน ที่หากไม่นับเรื่องของหลักฮวงจุ้ยแล้ว ทางเดินภายในบ้านเดี่ยวที่เรากำลังจะตัดสินใจซื้อ ควรมีความกว้าง สามารถเดินไปมาได้สะดวก ไม่วกไปวนมา ทำให้สับสน เพราะทางเดินภายในบ้านจะหมายถึง ชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกภายในบ้าน หากทางเดินสะดวก ไม่ซับซ้อน หรือรกไปด้วยข้าวของ คนในบ้านก็จะไม่มีปัญหา หรือสามารถแก้ไข และหาทางออกได้อย่างง่ายดาย
7.บันไดบ้านเลขคี่ เสริมโชคลาภให้ผู้อยู่อาศัย
ในส่วนของบันไดทั้งหน้าบ้านและในบ้าน ในทางฮวงจุ้ยกำหนดให้มีจำนวนขั้นบันไดที่เป็นเลขคี่ โดยที่ไม่นับบริเวณที่เป็นจุดพักต่างๆ ให้นับเฉพาะจำนวนขั้นบันไดเท่านั้น อีกทั้งควรมองหาบ้านเดี่ยวที่มีบันไดอยู่ชิดติดกำแพง เพื่อช่วยเสริมทรัพย์ และความมั่นคงให้กับผู้อยู่อาศัย ไม่ควรเลือกซื้อบ้านที่มีบันไดตั้งอยู่กลางบ้าน ชนิดที่ว่าเปิดเข้ามาแล้วเห็นบันไดทันที เพราะเปรียบเสมือนการถูกขัดขวาง ขัดโชคลาภ ส่วนจะออกแบบให้เป็นบันไดวน จะเชียงจะตรงก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลได้เลย

8.เปิดหน้าต่างเพื่อรับพลังงานดี
หน้าต่างยิ่งมาก ยิ่งดี เพราะจะช่วยเสริมความมงคล พร้อมรับพลังงานดีเข้าสู่ตัวบ้าน แต่ปัจจุบันเราอาจจะได้เห็นลักษณะหน้าต่างที่มีความหลากหลาย จนทำให้ดูคล้ายหรือมีขนาดใกล้เคียงประตูกันมากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะขึ้นอยู่กับหน้าที่การทำงานของสิ่งของตำแหน่งนั้นๆ ว่าทำอะไร หากหน้าต่างมีขนาดใหญ่ แต่ลักษณะหารใช้งานคือเปิดปิด เพื่อรับลมและทำให้รู้สึกโล่งสบาย ไม่ใช่เพื่อเดินผ่านเข้าออก ตำแหน่งนั้นก็ยังเรียกว่าเป็นหน้าต่างอยู่ ยังทำหน้าที่รับพลังงานดีรอบตัวบ้านได้เหมือนเดิมบ้านจัดสรร
เพราะการซื้อบ้านเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ แม้บางคนจะบอกว่าเป็นของที่ซื้อมาขายไปได้ แต่กว่าจะตัดสินใจซื้อขายได้ก็อาจไม่ได้ใช้เวลาแค่คืนสองคืน อีกทั้งคำว่า บ้าน โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว อาจเป็นทั้งอนาคต ความฝัน ตลอดจนของขวัญสำหรับใครบางคนเลยก็ว่าได้
การเลือกซื้อบ้านทำเลไหนเหมาะกับใคร
ซื้อบ้านให้เหมาะกับผู้อยู่ ประโยคนี้คือประโยคที่สามารถรวบรัดหลักการเลือกซื้อบ้านได้ครบถ้วนที่สุด ไม่ว่าจะเป็นราคาที่เหมาะสมกับกำลังเงินในกระเป๋า จำนวนของสมาชิกในครอบครัว หรือทำเลที่เข้ากันได้กับการใช้ชีวิตแบบพอดิบพอดี ซึ่งหากลองนำทั้ง 3 ปัจจัยมาบวกกันแล้ว ก็น่าจะพอรู้ว่าบ้านที่เหมาะกับเราจะอยู่ทำเลไหนและหน้าตาเป็นอย่างไร
1. การเลือกซื้อบ้านในทำเลที่เหมาะกับคนทำงาน
สำหรับคนทำงาน แน่นอนว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องการเดินทางไปทำงานอย่างไรให้สามารถแสกนนิ้วมือทันเวลาเข้างาน ดังนั้นการเลือกซื้อบ้านในทำเลที่เหมาะกับคนทำงาน จึงควรเลือกทำเลที่สามารถเดินทางไปถึงที่ทำงานได้อย่างสะดวก ไม่ต้องต่อรถหลายรอบ หรือสามารถขับรถไปถึงได้ระยะเวลาไม่นาน
คำตอบจากตัวเลือกยอดนิยมในการเลือกซื้อบ้านของวัยทำงานส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนที่มองหาบ้านสำหรับอยู่คนเดียว หรือคนโสด จึงออกมาเป็นการซื้อคอนโด เพราะมักตั้งอยู่ในทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้า และมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่พอเหมาะสำหรับการอยู่คนเดียว สามารถเข้าถึงแหล่งงานได้อย่างสะดวก
โดยควรเลือกทำเลคอนโดที่ใช้ระยะเวลาเดินทางไม่เกิน 30-60 นาที ไม่ต่อรถหรือเปลี่ยนสายรถไฟฟ้าหลายรอบ เช่นทำเลรถไฟฟ้าสายหลัก ได้แก่ รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสีลม และสายสุขุมวิท) และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เป็นต้น
แต่สำหรับคนที่มองหาบ้าน ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในทำเลที่ไกลจากรถไฟฟ้า ควรเลือกบ้านในทำเลที่สามารถเข้าถึงทางด่วนได้ในระยะทางไม่ไกล มีขนส่งมวลชนเข้าถึง เพื่อสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก
2. การเลือกซื้อบ้านในทำเลที่เหมาะกับชาวต่างชาติหรือ Expat
ชาวต่างชาติหรือชาว Expat ส่วนใหญ่ เลือกที่จะซื้อคอนโดมากกว่าการเช่าบ้าน เนื่องจากคอนโดสามารถให้ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ครอบครองได้ อีกทั้งชาวต่างชาติหรือชาว Expat ส่วนใหญ่มักจะอาศัยอยู่ในทำเลที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน และอยู่ในแหล่งที่แวดล้อมไปด้วยเพื่อนบ้านที่มาจากประเทศเดียวกัน
โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในโซนสุขุมวิทและสีลม เช่น โซนนานา เป็นโซนของ Expat ชาวตะวันออกกลาง, โซนรัชดา -ห้วยขวาง เป็นโซนของ Expat และนักธุรกิจชาวจีน และโซนสุขุวิท อาทิ พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย เป็นโซนของ Expat ชาวญี่ปุ่นและชาวเกาหลี เป็นต้น
ทำเลที่เหมาะกับ Expat คือตรงไหน สามารถดูได้จากไลฟ์สไตล์และร้านอาหารในทำเล หากพบร้านอาหารสัญชาติใดมากเป็นพิเศษ ก็สามารถอนุมานได้เลยว่าทำเลนั้นคือทำเลที่เหมาะกับ Expat ชาตินั้น ๆ

3. การเลือกซื้อบ้านในทำเลที่เหมาะกับนักเรียนและนักศึกษา
ปัจจุบันในทำเลรอบมหาวิทยาลัยมีอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบให้เลือกอยู่อาศัย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบคอนโด เนื่องจากมีราคาไม่แพง และสามารถขายต่อหรือปล่อยเช่าได้หลังจากนักเรียนและนักศึกษาจบการศึกษา
โดยการเลือกซื้อบ้านในทำเลที่เหมาะกับนักเรียนนักศึกษา ควรอยู่ในทำเลที่อยู่ในละแวกสถาบันการศึกษานั้น ๆ หรืออยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางสะดวกด้วยขนส่งมวลชน ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถตู้ หรือรถไฟฟ้า เป็นต้น
นอกจากนั้นการเลือกซื้อบ้านสำหรับนักเรียนและนักศึกษา ควรต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในที่อยู่อาศัย มีระบบรักษาความปลอดภัยครบครัน และมีการตรวจตราตลอดเวลา
ทั้งนี้ ปัจจุบันเริ่มเห็นพ่อแม่ ผู้ปกครองเตรียมมองหาบ้านที่ใกล้โรงเรียนของลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่ไกลจากโรงเรียนชื่อดัง ที่สามารถขับรถไปถึงได้สะดวก และใช้เวลาไม่นาน
4. การเลือกซื้อบ้านในทำเลที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่
ว่ากันว่าคนรุ่นใหม่มีแนวคิดแบบ Work-Life Balance มากขึ้น ดังนั้นการเลือกซื้อบ้านในทำเลที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะทำเลในแนวรถไฟฟ้า
นอกจากนั้นภายในทำเลยังต้องเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านไลฟ์สไตล์ที่ครบครัน เพราะคนรุ่นใหม่มีกิจกรรมที่ชื่นชอบหลากหลาย มีงานอดิเรกหลายอย่าง และชื่นชอบที่จะใช้ชีวิตแบบไม่นิ่งเฉย ดังนั้นความครึกครื้นของทำเลจึงมีส่วนอย่างมากต่อการใช้ชีวิตและอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่